โรคราน้ำค้าง ( Downy Mildew )

0

โรคราน้ำค้าง ปัญหาใหญ่กว่าที่คิด สามารถเข้าทำลายพืชได้หลายชนิด เพื่อเป็นแนวทางในการป้องกันและกำจัด เจ้าเชื้อราตัวร้าย ก่อนที่จะระบาดสร้างความเสียหายให้กับเกษตรกรสาระน่ารู้คู่เกษตร กับธัญธวัชการเกษตร มีบทความมาฝาก

โรคราน้ำค้าง (Downy mildew)

โรครานํ้าค้าง พบทั่วไปในแหล่งปลูกต่างๆ ที่มีความชื้นสูง เป็นโรคที่ระบาด ทําความเสียหายได้มาก โรคเกิดได้ ทั้งที่ใบ ผล กิ่งก้านต่างๆ ทําให้เซลตาย ใบร่วง ผลผลิตคุณภาพตํ่า ต้นอ่อนแอและแคระแกรน ต้นอ่อนอาจตาย ได้ หากสภาพแวดล้อมเหมาะสม พืชอาจได้รับความเสียหาย 50-75 %

- โรคราน้ำค้างในข้าวโพด

เกิดจากเชื้อ Peronosclerospora sorghi เข้าทําลาย ข้าวโพดตั้งแต่ งอกจนถึงอายุประมาณ 1 เดือน ในระยะที่มีฝนตกชุก ลักษณะอาการ เป็นทางยาวสีเหลืองแคบๆ ไปตามความยาวของใบหรือเป็นแบบ systemic เห็นเป็นทางลายสีเหลือง เขียวอ่อน สลับกันเป็นทางยาว เมื่อ นานเข้า รอยสีเหลืองจะเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลเกิดเป็นอาการใบไหม้ แห้ง ตายในที่สุด บริเวณผิวใบโดยเฉพาะด้านล่างจะมีเส้นใยสีขาว ของเชื้อรา จับเป็นฝ้าเห็นได้ชัดเจน ในตอนเช้าตรู่ซึ่งมีน้ำค้างจัด ลําต้นแคระแกรน ต้นเตี้ย ใบผอม ข้อสั้น ฝักมักมีขนาดเล็กลง เมล็ดติดน้อยหรือไม่ติดเลย ช่อดอกหรือยอดอาจจะแตกเป็นพุ่ม

- โรคราน้ำค้างในพืชตระกูลแตง

เกิดจากการเข้าทําลายของเชื้อรา Pseudoperonospora cubensis สามารถเข้า ทําลายได้เฉพาะในพืชวงศ์แตงอาการจะเกิดเป็นปื้นเหลืองบนใบ ด้านหลังของใบอาจมองเห็นกลุ่มของเส้นใย หรือมองไม่เห็นด้วยตา จากนั้นปื้นสีเหลืองจะเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล โดยเริ่มเปลี่ยนจากกลางแผลออกไป โรครา น้ำค้างมักจะเกิดขึ้นในเขตอบอุ่นและเขตร้อนชื้นที่มีปริมาณน้ำฝนและน้ำาค้างพอเพียงกับระยะเวลาที่จะ ก่อให้เกิดการระบาดของโรคขึ้นได้ สภาพอากาศเหมาะต่อการเจริญของเชื้อคือ อุณหภูมิ 16-22 องศา เซลเซียส และความชื้นสูง จะทําให้มีการระบาดของโรคอย่างรวดเร็วทําให้ ใบของแตงแห้งและทําให้ต้นตาย ถ้าหากควบคุมโรคได้ไม่ดี จะก่อให้เกิดความเสียหายรุนแรงทั้งในสภาพการปลูกในแปลงเปิด ในโรงเรือน และ ในสภาพการปลูกแบบอื่นๆ

ลักษณะอาการของโรค

– โดยตอนต้นจะพบจุดสีน้ำตาลหรือเหลือง จุดเล็กๆ และค่อยๆ ขยายใหญ่ขึ้นเป็นปื้นสีเหลือง

- ส่วนใหญ่จะพบที่ใบล่าง หรือใบแก่ หรือโคนเถา

- ในเช้ามืดจะเห็นเส้นใยเชื้อราสีออกขาวๆ ที่หลังใบ

- ขอบใบจะม้วนและร่วง

- ปื้นสีเหลืองนั้นต่อไปจะเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล โดยเริ่มเปลี่ยนจากกลางแผลออกไป

- ในเมลอน แคนตาลูปและแตงโม จะทําให้ความหวานลดลง

ในช่วงที่มีอากาศชื้นให้หมั่นพลิกดูด้านท้องใบจะมีขุยของราสีขาวหม่นคล้ายผงแป้ง และจะระบาดรุนแรงและ รวดเร็วเมื่อแตงอยู่ในระยะกําลังให้ผล ทําให้เถาแตงตายไปก่อนที่จะเก็บเกี่ยว ควรหาทางป้องกันก่อนที่จะ ลุกลาม

การแพร่ระบาด สิ่งแวดล้อมที่ช่วยส่งเสริมการเกิดและความรุนแรงของโรคก็เช่นเดียวกับราน้ำค้างทั่วๆ ไป คือ ชอบอุณหภูมิที่ ค่อนข้างเย็นและความชื้นสูงในการเกิด และการเข้าทําลายพืช โรคราน้ําค้างของแตงจะเจริญเติบโตระบาดได้ดี ในช่วงของอุณหภูมิระหว่าง 16-27 องศาเซลเซียส แต่จะดีที่สุดที่ 20 องศาเซลเซียสส่วนความชื้นนั้นต้องสูง เกินกว่า 86% ขึ้นไป

- โรคราน้ำค้างในพืชตระกูลกะหล่ำ

สาเหตุของโรคเกิดจากเชื้อรา Peronospora parasitica ชนิดพืชที่เกิดโรคได้แก่ กวางตุ้ง กะหล่ำดอก กะหล่ำปลี คะน้า บร๊อค โคลี่ ผักกาดขาวปลีผักกาดเขียว และผักกาดหัว เป็นต้น

ลักษณะอาการของโรค จะพบกลุ่มของเชื้อราเป็นผงสีขาวหรือสีเทาบนใบต่อมาด้านหลังใบจะเกิดแผลสีเหลืองต่อมาเป็นสีน้ำตาล แผล ค่อนข้างเป็นสี่เหลี่ยมขอบไม่แน่นอน ถ้าเป็นรุนแรง แผลจะมีจํานวนมาก ใบจะเหลืองและแห้งตาย ใบที่อยู่ ตอนล่างๆ จะมีแผลเกิดก่อน แล้วลามระบาดไปยังใบที่สูงกว่า ในต้นอ่อนจะเริ่มมีแผลสีเหลืองที่ใบเลี้ยง และ มักจะหลุดร่วงไป อาจจะทําให้ต้นเติบโตช้า โทรมอ่อนแอและตายได้ ในผักที่ใบห่อเป็นหัว ใบที่ห่อจะเกิดเป็น แผลจุดสีดําเป็นแอ่งลงไป อาจมีขนาดเล็กถึงใหญ่ ในกะหล่ำดอกและบร๊อคโคลี่ เชื้ออาจเข้าทําลายที่ช่อดอก ทําให้เกิดแผลสี น้ำตาลดําที่ผิวนอกสุด เป็นหย่อมๆ หรือทั่วทั้งดอก ถ้าเป็นโรครุนแรง ถ้าโรคระบาดในระยะ ติดฝักอ่อน ก็มีแผลเช่นเดียวกับแผลที่เกิดบนใบ ฝักไม่สมบูรณ์

การแพร่ระบาด สปอร์ของเชื้อราจะปลิวไปตามลมหรือติดไปกับสิ่งเคลื่อนไหวต่างๆ แล้วตกลงบนใบพืชเข้าทําลายพืชทางปาก ใบ อยู่ข้ามฤดูปลูกโดยสร้างสปอร์ (ส่วนขยายพันธุ์)ผนังหนา (oospora) ซึ่งติดอยู่ตามเศษซากพืชหรืออาศัยกับ ต้นที่งอกเองนอกฤดู และติดไปกับเมล็ดที่ใช้ทําพันธุ์สภาพที่เหมาะต่อการเกิดโรค ความชื้นสูง อุณหภูมิระหว่าง 20-24 องศาเซลเซียส มีหมอกหรือน้ําค้างลงจัด

การป้องกันกำจัด

1.ใช้เมล็ดพันธุ์ปราศจากเชื้อ หรือแช่เมล็ดในน้ำร้อน 50 อง เซลเซียส 20-30 นาที ก่อนปลูก หรือคลุกเมล็ด ด้วยสารป้องกันกําจัดโรคพืช เมทาแลกซิล หรือ เมทาแลกซิล+แมนโคเซบ ก่อนปลูก

2.ไม่ปลูกผักซ้ำที่เดิมเคยมีการระบาดของโรค โดยปลูกพืชหมุน เวียนอย่างต่ำ 3-4 ปี

3.ควรปลูกพืชให้มีระยะห่างพอสมควรอย่าให้แน่นเกินไป

4.หลังจากเก็บเกี่ยวควรทําลายเศษซากพืชหรือพืชที่งอกเองให้หมด

5.เมื่อพบอาการบนใบควรพ่นด้วยสารป้องกันกําจัดโรคพืช เช่น แมนโคเซบ+ไตรโซคลาโซล, บาซิลัส ซับทิลิส, เมตาแลกซิล+แมนโคเซบ, ไซบ็อกซามิล+แมนโคเซบ, ออกซาไดซิล+แมนโคเซบ, โพรพิเนบ+ไซม็อกซามิล เป็นต้น ***หมายเหตุ โรคนี้ไม่ทําให้ต้นตาย ผักรับประทานใบ เช่น คะน้า ผักกาด ฯลฯ น้ำหนักลด เพราะต้องตัดใบ เป็นโรคออกเสีย ทําให้ผลผลิตตกต่ำ กะหล่ำปลีมักเสียหายในระยะก่อนห่อเป็นหัว เมล็ดจากผักที่เป็นโรคไม่ ควรเก็บไว้ทําพันธุ์ ผักหลายชนิดในตระกูลนี้พบเป็นโรคเดียวกัน

ขอบคุณแหล่งที่มา และภาพประกอบจาก สำนักงานปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และ ออลล์เกษตร www.allkaset.com

ครบเครื่องเรื่องเกษตร ต้องที่ธัญธวัชการเกษตร

สอบถาม-สั่งซื้อสินค้า : ร้านธัญธวัชออนไลน์ https://www.thanthavat.co.th/ หรือทั้ง 5 สาขาใน จ.เพชรบูรณ์

1. สาขายางโด่ - บ้านยางโด่ อ.วิเชียรบุรี ( เยื้องกรมบังคับคดี ) โทร.086-466-4986

2. สาขาบวงสรวง - อ.วิเชียรบุรี (ทางไปศาลสมเด็จพระนเรศวร) โทร.086-466-4990

3. สาขามรกต - อ.วิเชียรบุรี (ทางไปนาไร่เดียว) โทร. 086-466-4983

4. สาขาศรีมงคล -อ.บึงสามพัน (บ้านหนองงูเหลือม) โทร. 086-466-4995

5. สาขาบึงสามพัน - ต.ซับสมอทอด (ทางไปวังพิกุล) โทร.086-466-4989